Customer Reviews

5
โดย: BallVoyager วันที่เขียนรีวิว: 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

คือส่วนตัวแล้วก็คนอ่านงานเขียนของคุณสฤนีอยู่บ่อยๆนะ แต่ทำไมมาอ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกว่าเธอมีฝีมือด้านงานเขียนดีจัง คือเขียนกระชับ และมีสำนวนลีลาพองามทีเดียวใช้ถ้อยคำได้อย่างดีในการถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ความรู้ทางด้านสาระ วิชาการและนำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิง ทั้งๆที่สฤณี หรือที่ชาวเน็ตรู้จักกันในชื่อ คนชายขอบ (fringer) เป็น นักวิชาการอิสระที่บอกว่าตัวเองเป็นคนชายขอบ ที่อยู่ระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออก เป็นคนที่อยู่ระหว่างความเป็นศาสตร์และศิลป์

ใน ความเห็นส่วนตัว แม้สฤณีจะเรียนมาทางด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ที่มุ่งโฟกัสไปยังการแข่งขันและความเห็นแก่ตัวของมนุษยชาติบนโลกที่เสื่อม ทรามลงทุกวัน แต่วิธีมองโลกของสฤณีมักทำให้เรา
เห็นความหวังเล็กๆ ที่พอจะเป็นไปได้ แต่ละครั้งที่อ่านงานของเธอจึงรู้สึกว่าการมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้ช่วยให้ อะไรดีขึ้นเลย แต่การมองโลกในแง่ดีมักมีอะไรให้เราทำเสมอๆ

หนังสือส่วนใหญ่ที่แนะนำเป็นประเภทที่ถ้าไม่ได้อ่านเล่มนี้ก็จไม่มีทาง สนใจและหยิบขึ้นมาอ่าน (ยกเว้น Extra Lives ที่เคยผ่านตามา จนเกือบจะซื้ออยู่แล้ว) เช่น การเงิน, เศรษฐศาสตร์, การทำงานของสมอง ฯลฯ แต่ในเล่มส่วนมาก จะพูดถึงหึ้ความสนใจด้านเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ แต่ก็มักจะผสมปนไปกับความรู้ด้านสังคม วรรณกรรมและการดำเนินชีวิต หนังสือที่ 50 เล่มที่เธอหยิบขึ้นมารีวิวในเล่มนี้ก็ไม่ได้หลุดกรอบนั้น โดยเธอบอกไว้ว่า...
"ถ้าท่านมีเวลาสำหรับอ่านหนังสือได้เพียงเล่มเดียวในปีนี้ โปรดอ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนได้ศึกษาวิชาดีๆ 50 เล่มเกวียน"

นั่นคือเวลาที่เราจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านก็เหมือนเปิดประตูหนึ่งบาทที่สามารถเปิดโลกให้เห็นมุมมองในอีก 50 มุม ของหนังสือ 50 เล่ม และคนเขียน 51 คน (รวมสฤณีด้วย) ซึ่งแม้จะไม่ครบถ้วนกระบวนความเช่นเดียวกับการอ่านจนจบเล่มทั้ง 50 เล่ม แต่ผู้อ่านก็สามารถนำไปต่อยอดเสาะหาหนังสือเล่มถูกใจต่อๆ ไปได้ไม่ยาก

แต่เธอก็สามารถเขียนให้เราอยากอ่านหนังสือพวกนี้ขึ้นมาได้ดีเลยทีเดียว ถือว่าเก่งมาก เอาเป็นว่าถ้าสามารถเคลียร์กองหนังสือที่ดองอยู่ได้หมดแล้วเมื่อไหร่ จะหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอีกรอบเพื่อจะเป็นใบเบิกทางในการโกอินเตอร์ เริ่มหาภาษาต่างประเทศดีๆมาอ่านบ้าง (แค่ภาษาไทยก็ไล่อ่านไม่หมดแล้ว) ในวันที่คนเอ่ยอ้างว่าหนังสือดีหายาก หนังสือเล่มนี้คงให้คำตอบกับท่านได้ไม่ยาก หวังว่าหนังสือเล่มนี้คงช่วยเปิดมุมมองของผู้ที่สนใจได้ในระดับหนึ่ง แม้หนังสือหลายเล่มที่สฤณีหยิบยกขึ้นมาจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มีอยู่หลายเล่มที่แปลเป็นไทยแล้วเช่นกัน
ปลาดิบรวมมิตร Best of Team Pladib (a book)
4
โดย: BallVoyager วันที่เขียนรีวิว: 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หนังสือที่ทำการรวบรวมคอลัมน์บทความของ Team Pradib ที่คัดสรรความสดใหม่ในการอ่านมอบให้ผู้อ่าน ในนิตยสาร A day มาให้ผู้อ่านได้ลิ้มลอง นำทีมโดยอาจารย์เรียวตะ ซูซูกิ คนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานถึง 14 ปี ได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นญี่ปุ่นในไทย ความเป็นไทยที่แตกต่างจากญี่ปุ่นต่างๆ ถ่ายออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีภาพวาดเล็กๆน้อยๆสอดแทรกให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อด้วย โดยตัวเรื่องก็จะเป็นการหยิบบทความที่น่าสนใจ บทความพิเศษ หรือบทความทึ่คนชื่นชอบ มารวมไว้เป็นเล่มเดียวกัน ซึ่งครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ที่มีการรวมเล่มแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า ทีมปลาดิบ นั้นมีคุณภาพและสามารถสร้างฐานแฟนๆได้อย่างต่อเนื่อง แล้วขึ้นชื่อว่าอยู่ในนิตยสาร A day ด้วยแล้วการันตีได้ว่าเนื้อหาที่หยิบยกมานำเสนอผู้อ่านนั้น ล้วนไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

โดยเนื้อหาในเล่มก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากความพิเศษคือ บทความต่างๆที่น่าสนใจและพิเศษ ได้ถูกนำมารวบรวมไว้ให้อ่านทีเดียว ซึ่งคอลัมน์ ทีมปลาดิบ ของ a book ทำการบ้านมาดี เนื้อเรื่องอ่านสนุก ได้แง่คิดตาม ทราบถึงความเป็น cross cultural ระหว่าง ญี่ปุ่นและไทย เสมือนได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นไปในตัว อย่างเช่น การทำเคารพ วัฒนธรรมการดูหนังในโรงหนัง งานเลี้ยง งานประเพณ๊ ถูกนำมาตีแผ่เล่าเรื่องผ่านตัวอักษรอย่างสนุก และอ่านเพลิดเพลิน ไม่แปลกใจที่มีผู้อ่านติดตามมาถึง 5 เล่มแล้ว

ส่วนตัวแล้วคิดว่าเล่มนี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ในการหยิบมาอ่านทุกช่วงเวลา เพราะมันทำให้เกิดความจรรโลงใจไปในตัวยามที่หยิบมาอ่าน ทำให้การอ่านไม่น่าเบื่อ เด็กๆน่าจะชอบ การเล่าเรื่องที่กระชับ ภาพวาดประกอบที่เป็นเอกลักษณ์สุดจะเปรี้ยวเยี่ยวราด อีกครั้ง เป็นการทำในรอบ 10 ปี ที่ทางสำนักพิมพ์เลือกมาเพียงแค่ 10 เล่มเท่านั้น การตัดสินใจจับจองเล่มนี้จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก หยิบไปจ่ายเงิน แล้วเปิดอ่านได้เลย เพราะเมื่อเทียบกับเนื้อหาในเล่มกับราคาแล้ว ค่อนข้างเหมาะสม การใช้ถ้อยคำที่อาจจะดูแปลกๆไปบ้าง แต่เชื่อว่าฝ่ายพิสูจน์อักษรได้พยายามเลือกใช้ถ้อยคำที่ใกล้เคียงและถ่ายทอดออกมาได้ดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ประทับใจที่สุดจากการอ่านคือ มันมีคุณค่าทางใจค่อนข้างเยอะในหลายเรื่อง บางประเด็นหยิบมาพูดได้อย่างลึกซึ้ง ผ่านการขัดเกลาทางด้านอารมณ์มาอย่างดี เป็นหนังสือแนวดราม่าคอมเมอร์ดี้สุดจะ leisure ที่ดีเล่มหนึ่งในรอบหลายปี แฟนๆหลายคนอ่านแล้วอยากไปญี่ปุ่นมากขึ้นบ้าง ก็มี เพราะหนังสือเล่มนี้เปรียบเหมือนเสน่ห์เล็กๆที่ทำให้เราอยากเดินทางไปญี่ปุ่นมากขึ้น ต้องพิสูจน์ด้วยตาของคุณเอง
5
โดย: BallVoyager วันที่เขียนรีวิว: 28 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

สุดยอดนิยายสยองขวัญสั่นประสาทแห่งปี จากการกวาดรางวัลจากทั่วโลกมาแล้วต่อหลายรางวัล ถูกนำมาตีพิมพ์และแปลไทยให้คนไทยได้อ่านกัน “เดรัจฉานให้นานกิง” จากนักเขียนเจ้าสำนวนการเขียนกระทบต่อมสยองขวัญระดับแถวหน้าผู้กวาดรางวัลมากมาย Mo Hayder โดยตัวหนังสือได้เล่าถึง คนสองยุคด้วยกัน พูดถึงเหตุการณ์ ยุคสงครามที่นานกิงถูกเล่าผ่านบันทึกของชายชราซึ่งขณะนั้นเขาพยายามพาภรรยาที่ ตั้งครรภ์หนีเอาตัวรอดจากสงคราม โดยตัวหนังสือ เริ่มเล่าตั้งแต่ก่อนที่นานกิงจะถูกโจมตีจนถูกบุก กับการถูกกระทำที่โหดร้ายของทหารญี่ปุ่น สุดท้ายเขารอดมาได้ แต่ชายชรานั้นต้องสูญเสียบางอย่างไประหว่างหนี ด้วยการกระทำและความเชื่อของทหารญี่ปุ่นคนหนึ่ง เมื่อสงครามสิ้นสุดลงเขาได้มาที่ญี่ปุ่นเพื่อที่จะตามหาสิ่งๆหนึ่งนั้นกลับคืนมา

เนื้อเรื่องแน่นเอี๊ยด ความน่าสะพรึงมีครบไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องการบรรยายที่ถ่ายทอดได้อย่างติดเรตอย่างมีชั้นเชิง การบรรยายสภาวะอารมณ์ของตัวละคร การเขียนถ่ายทอดอรรถรสอย่างมืออาชืพ ทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ผู้แปลคุณทรงพล ศุขสุเมฆ นักแปลที่มีผลงานมากมาย สามารถถ่ายทอดอรรถรสถ้อยคำในงานเขียนออกมาได้ในรูปแบบที่สามารถสื่อเข้าใจกับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ติดตามงานแปลหนังสือของคุณทรงพล คงจะทราบดีถึงสำนวนและการเลือกคำที่ใช้ได้เป็นอย่างดี บางคำเราอาจไม่คุ้นหูมาก่อน บางคำดูใหม่ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการอ่านหนังสือแนวสยองขวัญไปในตัวอีกด้วย

โดยภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ ค่อนข้างใช้เวลาในการอ่าน มีถ้อยคำที่ผู้แปลสามารถแปลหรือถอดความหมายออกมาแล้วเข้าถึงแก่งของความกลัวได้อย่างเฉลียว ฉลาด มีการปูเรื่องได้อย่างน่าตื่นเต้น สามารถทำให้ติดตามและสุดจะน่าบันเทิงอารมณ์อย่างมาก เมื่อได้หยิบมาอ่านแล้วไม่สามารถที่จะวางได้ มีอารมณ์คอยลุ้นช่วยตัวละครต่างๆอย่างกระชั้นชิด เสมือนตัวเราเองอยู่ในเรื่องราวยังไงอย่างงั้น ทำให้หนังสือเล่มนี้ได้ขึ้นแท่นเบสเซลเลอร์หลายประเทศ และยังถูกยกให้เป็นหนังสือแนว horror drama แห่งปีอีกด้วย ถึงกระนั้นเองนิยายเล่มนี้เปรียบเสมือนคัมภีร์ ที่ตีแผ่ความโหดร้ายของเศษเสี้ยงการทำสงครามนานกิง ระหว่างจีนและญี่ปุ่น จากภาพรวมที่พูดถึงประวัติศาสตร์นี้ด้วยเองทำให้กระแสของตัวหนังสือเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นวงกว้างของไทยเพิ่งเริมเข้ามาตีพิมพ์เมื้อช่วงต้นปี 2557 เป็นที่นิยมในหมู่นักอ่านคอแนว horror มาก จากนี้ผู้อ่านที่ชอบอ่านนิยายสยองขวัญน้ำดีก็คงที่จะพลาดหยิบเรื่องนี้เก็บไว้อ่านยามว่างอย่างแน่นอน
Yellow Cabby แท็กซี่นิวยอร์ก (ปกแข็ง)
4
โดย: BallVoyager วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

หนังสืออ่านนอกเวลาที่ถูกตีพิมพ์มาแล้วหลายครั้ง เป็นเนื้อหาที่ถูกรวบรวมจากเว็บไซต์ชื่อดังชื่อพันทิพดอทคอม จากยูสเซอร์นามว่า Smartstupid ที่เป็นที่ร้จักกันในห้องไกลบ้าน ที่ตั้งกระทู้เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเอง ในการทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในรัฐนิวยอร์ค ที่ประสพพบเจอมาแล้วนำมาตั้งกระทู้เล่าสู่กันฟังในห้องไกลบ้าน จึงมีการโต้ตอบสอบถามประเด็นที่นำมาเล่าอย่างดุเดือด และน่าสนใจ ทำให้สำนักพิมพ์ A book สนใจที่จะหยิบมารวมเล่มและตีพิพม์ให้ผู้อ่านนั้น ได้อ่านง่ายขึ้น และเข้าถึงกลุ่มคนได้มากขึ้น ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป โดยครั้งนี้มีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิมอยู่หน่อยๆคือ การสอดแทรกภาพประกอบจากฝีมือการถ่ายของพี่เบ๊นท์ ธนชาติ ช่างภาพอาชืพ ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ รูปถ่ายที่สอดแทรกต่างๆมาจากการถ่ายภาพที่ประเทศสหรัฐ

อย่างไหร่ก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ ถ้อยคำ เนื้อหา สำนวนคำพูดในการถ่ายทอดอารมณ์ที่แสบเจ็บคันครบรสอย่างเด็ดดวง ทำให้หนังสือเล่มนี้ไม่แปลกเลยที่จะมีการตีพิมพ์มาแล้วหลายครั้ง ถ้านับจากปีที่พิมพ์ครั้งล่าสุด ปี 2556 พิมพ์มาแล้วถึง 6 ครั้งด้วยกัน ด้วยเนื้อหาถ้อยคำในหนังสือนี้เองที่ทำให้ผู้อ่านชอบและส่งฟีดแบคกลับอยู่ทุกครั้ง เนื้อหาในการเล่าค่อนข้างใหม่ ใหม่ในการถ่ายทอด ใหม่ที่จะรับรู้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม อิมเมจของคนต่างชาติที่มองคนเชื้อชาติเอเชีย ว่าเป็นยังไง แบบไหน อยู่ตรงจุดไหน พูดง่ายๆเป็นการถ่ายทอดทัศนคติให้ความรู้ในเรื่อง cross cultural ไปในตัว พร้อมทั้งสำนวนการเขียนที่ชวนให้ฮาเกือบทุกบทในหนังสือ

โดยรวมของหนังสือมีเนื้อหาค่อนข้างดราม่าและคอมเมอร์ดี้ ทำให้การหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านแต่ละครั้งชวนไม่ให้วางได้ง่ายๆสักครั้ง ส่วนตัวแล้วชอบวิธีการเล่าเรื่องที่กระชับ และน่าตื่นเต้น สำนวนการเขียนที่ดูพยายามจะให้ฮา ถึงส่วนมากอาจจะไม่ฮามากนักก็ตาม บางบทของตัวเล่มนั้นจะมีดราม่าค่อนข้างหนักจนไปถึงจุดจบชวนเศร้าเลยก็ว่าได้ พูดง่ายๆหนังสือเล่มนี้ครบเครื่องครบทุกรสชาติ บันเทิงสมองพอควร สิ่งที่ได้รับส่วนมากในหนังสือคือการถ่ายทอดประสบการณ์ของการทำอาชืพขับแท็กซี่ในนิวยอร์คได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าติดตาม ทำให้เราทราบวิถีชีวิตของไลฟ์สไตล์ของคนในนิวยอร์คส่วนหนึ่งพอควรว่าควรจะทำอย่างไหร่ดี ถ้าเกิดจู่ๆวันหนึ่งเราได้ไปเยือนในดินแดนที่ผู้คนอยากไปทำงานและเรียนหนังสือที่นู่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คุณ Smartstupid ถือเป็นคนที่กล้าที่จะหยิบเรื่องราวของตัวเองที่เจอมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังได้อย่างน่าประทับใจยิ่ง
www.batorastore.com © 2024